การสำรวจ Stablecoins
ในบทความก่อนหน้านี้ ทีม Crypto Salad ได้สำรวจแนวคิดหลักของ Stablecoins และได้ทำการวิเคราะห์เชิงระบบเกี่ยวกับกลไกการทำงานและสถานการณ์การใช้งานของ Stablecoins ที่สำคัญในตลาดปัจจุบัน จากการวิเคราะห์พบว่าเส้นทางของ Stablecoin มีศักยภาพการเติบโตที่มหาศาล อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ Stablecoins ก็มีความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
ตามรายงานอาชญากรรมดิจิทัลทั่วโลกประจำปี 2024 ที่เผยแพร่โดย Chainalysis พบว่าจำนวนธุรกรรมที่ผิดกฎหมายผ่าน Stablecoins มีมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างปี 2022 ถึง 2023 โดยมากถึง 70% เกิดจากอาชญากรรมฉ้อโกง cryptocurrencies และมากกว่า 80% เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงมาตรการลงโทษ
ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานกำกับดูแลระดับโลกจึงเร่งรัดการสร้างกรอบการกำกับดูแล Stablecoins อย่างเป็นระบบ สหรัฐอเมริกายังเดินหน้าในกระบวนการนิติบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมาย Stablecoin Transparency Act (STABLE Act) ขณะที่หน่วยงานการเงินของฮ่องกงได้ผ่านกฎหมาย Stablecoin Ordinance และจัดตั้งกลไกควบคุมใน Sandbox สำหรับ Stablecoins โดยการรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเสี่ยงจะเป็นกรอบการพัฒนาของ Stablecoin ในอนาคต
ความสำคัญของกรอบการกำกับดูแล Stablecoins
ทีม Crypto Salad มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม cryptocurrency มาอย่างยาวนาน และในบทความนี้เราจะนำเสนอประสบการณ์จริงร่วมกับการวิจัยในอุตสาหกรรม เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุผลที่กรอบการกำกับดูแล Stablecoins เป็นเรื่องสำคัญ และจะสำรวจความเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกของ Stablecoins โดยแบ่งออกเป็นสองประเด็นหลัก:
- ความเสี่ยงภายใน: ความเสถียรของมูลค่าของ Stablecoins ซึ่งไม่ได้มีรับประกันเต็มที่ และขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของผู้ถือ Stablecoin
- ความเสี่ยงภายนอก: การใช้ Stablecoins ในกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และช่องทางการไหลของทุนที่ผิดกฎหมาย
การพัฒนากรอบการกำกับดูแลในระดับนานาชาติ
โดยกรอบการกำกับดูแล Stablecoin ในประเทศต่าง ๆ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และสหภาพยุโรป เป็นต้น ซึ่งบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์กรอบการกำกับดูแล Stablecoin ระหว่างสหรัฐอเมริกาและฮ่องกง โดยจะสำรวจในมิติต่าง ๆ ได้แก่ กระบวนการกำกับดูแล เอกสารกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเนื้อหาหลักของกรอบการกำกับดูแลในทั้งสองประเทศ