การจับกุมอาชญากรไซเบอร์โดยอินเตอร์โพล
อินเตอร์โพล ได้จับกุมอาชญากรไซเบอร์มากกว่า 1,200 คน ที่ได้ทำการโจมตีเหยื่อรวม 88,000 ราย ซึ่งรวมถึงการหลอกลวงเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ปฏิบัติการ “Serengeti 2.0” นี้มีการดำเนินการใน 18 ประเทศ ในแอฟริกาและสหราชอาณาจักร โดยมีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 97.4 ล้านดอลลาร์ ถูกยึดไป
การดำเนินการในแองโกลา
ใน แองโกลา มีการรื้อถอนศูนย์ขุดคริปโต 25 แห่ง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าชาวจีน 60 คน ได้ทำการตรวจสอบธุรกรรมบล็อกเชนอย่างผิดกฎหมายและได้รับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผล เจ้าหน้าที่กล่าวว่าอุปกรณ์ขุดและสถานีไฟฟ้าผิดกฎหมาย 45 แห่ง ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 37 ล้านดอลลาร์ ถูกยึดไป และจะถูกนำไปใช้ในการแจกจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ที่ยากจนกว่า
การดำเนินการในซัมเบีย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ซัมเบีย ได้ทำลาย “แผนการลงทุนออนไลน์ขนาดใหญ่” ที่ทำให้ผู้คน 65,000 คน สูญเสียเงิน 300 ล้านดอลลาร์ ผู้เสียหายถูกกระตุ้นให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหลังจากถูกดึงดูดด้วยแคมเปญโฆษณาที่ดุดันซึ่งส่งเสริมผลตอบแทนที่น่าสนใจ
“เจ้าหน้าที่ได้จับกุมบุคคล 15 คน และยึดหลักฐานสำคัญรวมถึงโดเมน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และบัญชีธนาคาร การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไปโดยมุ่งเน้นไปที่การติดตามผู้ร่วมงานในต่างประเทศ” แถลงการณ์ของอินเตอร์โพลกล่าว
การจับกุมเครือข่ายการค้ามนุษย์
ในการพัฒนาที่แยกต่างหาก เครือข่ายการค้ามนุษย์ที่ต้องสงสัยถูกทำลายในประเทศ โดยมีหนังสือเดินทางปลอม 372 เล่ม จาก 7 ประเทศ ถูกยึดไป ก่อนที่ปฏิบัติการ Serengeti 2.0 จะเกิดขึ้น นักสืบได้ผ่านการฝึกอบรมในด้านการวิเคราะห์บล็อกเชนและการวิเคราะห์แรนซัมแวร์ ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเครื่องมือข่าวกรองแบบเปิด
“แต่ละปฏิบัติการที่ประสานงานโดยอินเตอร์โพลจะสร้างจากปฏิบัติการก่อนหน้า ทำให้ความร่วมมือแน่นแฟ้นขึ้น เพิ่มการแบ่งปันข้อมูล และพัฒนาทักษะการสอบสวนในประเทศสมาชิก” วัลเดซี อูร์กิซา เลขาธิการกล่าว
ความสำคัญของการร่วมมือข้ามพรมแดน
หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยังได้กล่าวว่าขนาดของการจับกุม “เน้นย้ำถึงการเข้าถึงทั่วโลกของอาชญากรรมไซเบอร์และความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือข้ามพรมแดน” ปฏิบัติการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ และการพัฒนาของสหราชอาณาจักร
Decrypt ได้ติดต่อไปยังหน่วยงานรัฐบาลแต่ยังไม่ได้รับความคิดเห็น ในการพัฒนาที่อื่น คณะกรรมการเศรษฐกิจและอาชญากรรมทางการเงินของไนจีเรียกล่าวว่าได้เนรเทศผู้คนจำนวนมากที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในเรื่อง “การก่อการร้ายไซเบอร์และการฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต” โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและฟิลิปปินส์ บางกรณีเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางความรัก โดยผู้เสียหายถูกหลอกให้ส่งเงินเพื่อการลงทุนคริปโตปลอม