การคืนเงินคริปโตที่ถูกยึดให้กับเหยื่อหลังการปราบปรามสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่

1 สัปดาห์ ที่ผ่านมา
อ่าน 7 นาที
4 มุมมอง

การกู้คืนเงินใน stablecoins จากการหลอกลวงทางคริปโต

หน่วยงานรัฐบาลกลางได้กู้คืนเงินกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์ ใน stablecoins ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางคริปโต ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญที่เปิดทางให้เหยื่อสามารถเรียกคืนความสูญเสียและเน้นย้ำว่าทรัพย์สินดิจิทัลที่สามารถติดตามได้ช่วยในการคลี่คลายแผนการฉ้อโกงที่ซับซ้อนได้อย่างไร

สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตตะวันออกของเวอร์จิเนียได้ประกาศเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมว่าได้กู้คืนเงินเกือบ 1.7 ล้านดอลลาร์ ใน USDT และ BUSD ผ่านการริบทรัพย์สินทางแพ่งที่เกี่ยวข้องกับแผนการฉ้อโกงคริปโต เจ้าหน้าที่ได้กำหนดว่าทรัพย์สินเหล่านี้เป็นผลประโยชน์จากการหลอกลวงการลงทุนและการฟอกเงิน ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถเริ่มคืนเงินให้กับเหยื่อได้

“สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตตะวันออกของเวอร์จิเนียได้กู้คืนและเคลียร์สิทธิ์ใน 420,740.422314 USDT หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘tether’ และ 1,249,996.15 BUSD หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Binance USD’ ซึ่งเป็นผลประโยชน์จากการฉ้อโกงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน โดยใช้การริบทรัพย์สินทางแพ่ง”

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า สหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในกระบวนการคืนทรัพย์สินนั้นให้กับเหยื่อ

กลยุทธ์การฉ้อโกงที่ซับซ้อน

บันทึกของศาลอธิบายว่า scammers ได้เริ่มติดต่อผ่านข้อความที่ไม่ได้ร้องขอ เปลี่ยนการสนทนาไปยังช่องทางที่เข้ารหัส และชี้นำเหยื่อไปยังอินเตอร์เฟซการซื้อขายที่ปลอมซึ่งแสดงผลกำไรในพอร์ตโฟลิโอที่สร้างขึ้น เมื่อเหยื่อพยายามถอนเงินอย่างมีนัยสำคัญ ผู้กระทำผิดได้เรียกร้องการชำระเงินเพิ่มเติมภายใต้ข้ออ้างของภาษีหรือค่าธรรมเนียม และในที่สุดก็เก็บเงินไว้

นักสืบรายงานว่าผู้ฉ้อโกงได้หมุนเวียนคริปโตผ่านการแลกเปลี่ยนที่รวดเร็วและการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนเพื่อปกปิดการติดตาม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานลับของสหรัฐฯ จะยึดทรัพย์สินจากกระเป๋าหลายใบ

การดำเนินการบังคับใช้ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อัยการได้ยื่นคำร้องการริบทรัพย์สินทางแพ่ง ซึ่งทำให้สามารถคืนทรัพย์สินให้กับเหยื่อได้

บทสรุป

คดีนี้เน้นย้ำถึงความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของกลยุทธ์การฉ้อโกงดิจิทัล แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการติดตามของ บล็อกเชน ช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสามารถระบุการไหลของเงินที่ผิดกฎหมายในเครือข่ายได้อย่างไร

ล่าสุดจาก Blog